บทความ

รู้จักโซเดียมในอาหาร ข้อควรรู้สำหรับผู้ที่ชอบกินอาหารรสเค็ม

รูปภาพ
รู้จักโซเดียมในอาหาร ข้อควรรู้สำหรับผู้ที่ชอบกินอาหารรสเค็ม   จากสถิติทั่วทั้งโลก และรวมถึงประเทศไทย พบว่า คนในยุคปัจจุบันมีการกินอาหารที่มีรสเค็มเพิ่มมากขึ้น โดยจะพบว่ามีการได้รับปริมาณของเกลือเฉลี่ยต่อคนสูงกว่าค่าปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวัน สำหรับคนไทยที่กำหนดให้ได้รับเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา โดยที่มีโซเดียมไม่เกินวันละ 2,300 มิลลิกรัม แต่ค่าเฉลี่ยของคนไทย คือ ได้รับเกลือประมาณวันละ 2 ช้อนชา โดยมีโซเดียมต่อวันมากกว่า 4,000 มิลลิกรัม การได้รับโซเดียมที่มากกว่าปริมาณที่แนะนำจะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพตามมา   ที่มา http://med.mahidol.ac.th/ramachannel/old/index.php/knowforhealth-20150110-2/ โซเดียม คืออะไร สารโซเดียม   เป็นหนึ่งในเกลือแร่ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย มีผลต่อการเจริญเติบโต หน้าที่หลักของมันคือการเข้าไปปรับสมดุลของเหลว  ช่วยรักษาความดันเลือด ช่วยรักษาการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งรวมไปถึงกล้ามเนื้อหัวใจ  อีกทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการดูดซึมอาหารผ่านทางลำไส้เล็กและไต ช่วยให้แคลเซียมและธาตุบางชนิดสามารถละลายในเ

ความหวานของน้ำตาลที่ไม่ทำร้ายสุขภาพของเรา

รูปภาพ
ความหวานของน้ำตาลที่ไม่ทำร้ายสุขภาพของเรา จากการวิจัยและศึกษาเรื่องพฤติกรรม การรับประทานอาหารและน้ำของคนไทยล่าสุด จากมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) พบว่าคนไทยติดรับประทานหวานมากขึ้น เฉลี่ยรับประทานน้ำตาลกว่า 29 กิโลกรัม/ ปี หรือ 18 ช้อนชา/วัน   ทำให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง   มากขึ้นกว่า 30%! ทำให้น่าสังเกตว่า วันหนึ่งเราเติมน้ำตาลลงเครื่องดื่มหรืออาหารกี่ช้อนชา ? ปกติคนทั่วไปควรได้รับน้ำตาลไม่เกินวันละ 4-8 ช้อนชา ยิ่งถ้าเป็นเด็กวัยเรียน ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุไม่ควรเกินวันละ 3 ช้อนชา แต่จะให้งดก็คงทำยากอยู่ … เมื่อเป็นแบบนี้สารพัดน้ำตาลที่รับประทานทุกวัน มีชนิดใดบ้างที่เลือกทานแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายชนิดที่เรียกว่า “ เติมหวานได้แต่ไม่ทำร้ายสุขภาพ ” เราลองมาทำความรู้จักคุณค่าน้ำตาลและความหวานกัน น้ำตาลทราย    น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงให้รสชาติหวานเหมือนกัน คือ 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี หรือเทียบง่ายๆ 1 ช้อนชา ให้พลังงานประมาณ 19 กิโลแคลอรี แต่ให้คุณค่าทางอาหารต่างกัน ที่มา  https://sistacafe.com/summaries/3079 น้ำตาลท

ไขมันดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และไขมันไม่ดีเป็นโทษต่อร่างกาย

รูปภาพ
ไขมันดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และไขมันไม่ดีเป็นโทษต่อร่างกาย ที่มา  https://atitop122.wordpress.com           มาทำความรู้จักกับ ไขมัน ให้ดีขึ้นอีกนิด แล้วจะรู้ว่าไขมันที่จริงแล้วไม่ได้มีแต่โทษเสมอไป ถ้าเลือกทานให้ถูกกลับดีกับสุขภาพเสียด้วยซ้ำ            ไขมัน แค่ได้ยินชื่อคนจำนวนไม่น้อยก็คงจะจะรู้สึกกลัวกันขึ้นมาแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าเรามักได้ยินข้อเสียของไขมันกันมามาก ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วไขมันไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไป ไขมันบางชนิดก็ยังมีข้อดีแถมยังสำคัญต่อร่างกายของคนเราอย่างมากด้วยละค่ะ ดังนั้นวันนี้ขอพาทุกหนุ่มสาวที่รักสุขภาพไปทำความรู้จักกับไขมันกันให้ดีมากขึ้น ใครที่ยังเข้าใจไขมันผิด ๆ อยู่ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง            ไขมัน คือ สารประกอบหลายชนิดซึ่งมีลักษณะร่วมกันคือ ละลายได้ในตัวทำละลายอินทรีย์ แต่ไม่ละลายน้ำ ซี่งไขมันส่วนใหญ่ที่อยู่ในอาหารนั้นมีส่วนประกอบของกรดไขมัน ( Fatty acid)  เกิดขึ้นจากคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน เรียงตัวจับกันในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งไขมันแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่ต่างกัน เราก็ไปดูกันเลยค่ะว่ามีไขมันชนิดใดบ้างที่เป็นไขมันดี และไขมันชนิดใ

ประโยชน์ของการอ่าน ยิ่งรู้ยิ่งต้องอ่านเลย

รูปภาพ
ประโยชน์ของการอ่าน ยิ่งรู้ยิ่งต้องอ่านเลย ที่มา  http://www.jobthai.com/reach/lifestyle             จริง ๆ แล้วหนังสือก็เปรียบเสมือนปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตเรา เพราะถือเป็นอาหารสมองที่จะช่วยบำรุงความรู้ และประเทืองปัญญาให้เราได้เป็นอย่างดี แต่พอได้เห็นสถิติการอ่านหนังสือของคนไทยแล้วก็ต้องถอนหายใจดังเฮ้อ ก็ตัวเลขสถิติที่ออกมามันช่างน้อยแสนน้อยเสียจนน่าใจหาย วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเสนอ 10 ข้อดีของการอ่านมาให้ได้รู้กัน เผื่อจะช่วยกระตุ้นให้คนไทยอยากอ่านหนังสือกันมากขึ้นค่ะ                1. กระตุ้นการทำงานของสมอง              สมองก็เป็นอวัยวะอย่างหนึ่งในร่างกาย ที่ต้องการการออกกำลัง เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการทำงานให้ลื่นไหลไม่ติดขัดอยู่เสมอ และจากการวิจัยทางการแพทย์ก็พบว่า การอ่านหนังสืออยู่เสมอจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และกระตุ้นกระบวนการคิด ทำให้ห่างไกลจากโรคอัลไซเมอร์ และโรคความจำเสื่อม เพราะการใช้สมองคิดตามสิ่งที่อ่าน จะทำให้สมองได้ทำงานอยู่ตลอดนั่นเอง                2. ลดความเครียด              ไม่เพียงแต่กระตุ้นการทำงานของสมอง แต่การอ่านหนังสือย

บทเพลงจากที่ได้รับการพิสูจน์โดยนักวิทยาศาสตร์แล้วว่า ช่วยคลายเครียดได้ดีที่สุด

รูปภาพ
บทเพลงจากที่ได้รับการพิสูจน์โดยนักวิทยาศาสตร์แล้วว่า ช่วยคลายเครียดได้ดีที่สุด ที่มา  http://iqanddowload.blogspot.com/2015/03/blog-post.html นี้คือ 10 บทเพลงที่ได้รับการพิสูจน์โดยนักวิทยาศาสตร์แล้วว่า ช่วยคลายเครียดได้ดีที่สุดเลยหล่ะ! ! สำหรับการวิจัยนั้นจัดทำขึ้นโดย Dr. David Lewis-Hodgson แห่ง Mindlab International โดยใช้อาสาสมัครหลายๆ คนมาแก้ปริศนาที่ถูกออกแบบมาให้กระตุ้นในเรื่องของความเครียด และระหว่างนั้นให้ฟังเพลงต่างๆ ไปด้วย เพื่อดูผลว่าเพลงนั้นสามารถช่วยลดความเครียด อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือดหรืออัตราการหายใจได้รึเปล่า! ? อันดับ 10. We Can Fly, by Rue du Soleil (Café Del Mar) อันดับ 9. “Canzonetta Sull’aria,” by Mozart ที่มา  https://www.youtube.com/watch?v=BBO 5 yAythvo&vl=th อันดับ 8. “Someone Like You,” by Adele อันดับ 7. “Pure Shores,” by All Saints อันดับ 6. “Please Don’t Go,” by Barcelona อันดับ 5. “Strawberry Swing,” by Coldplay อันดับ 4. “Watermark,” by Enya อันดับ 3. “Mellomaniac (Chill Out Mix),” by DJ Shah

วิธีฝึกตัวเองให้เป็นคนคิดบวก ชีวีมีสุข

รูปภาพ
วิธีฝึกตัวเองให้เป็นคนคิดบวก ชีวีมีสุข มนุษย์เราสามารถสร้างนิสัยคิดบวกได้พอๆ กับนิสัยคิดลบ แต่นิสัยคิดลบเกิดได้ง่ายกว่า เพราะต่างทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว ฉะนั้น ลองทำตามวิธีต่อไปนี้ดูนะคะ เพื่อสร้างนิสัยคิดในด้านดี และขจัดความคิดด้านร้ายให้หมดไป วิธีการฝึกคิดบวกนั้นไม่ยาก ลองดู 12 ขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้ค่ะ http://www.eshopng.com/ 1. ให้มองไปข้างหน้า อย่ามองย้อนหลัง   ทุกคนเคยทำผิดมาแล้วทั้งนั้น แต่ต้องไม่จมอยู่กับอดีตที่ผิดพลาด เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไป จงวางเป้าหมายเล็กๆที่เป็นไปได้ และพยายามทำให้สำเร็จ 2. รู้จักให้อภัยตัวเองและผู้อื่น   สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นผลพวงมาจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น ในบางครั้งบางคราว เราต่างตัดสินใจผิดพลาด แต่เมื่อรู้สำนึกแล้ว ก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป เรียกว่าเป็นการให้อภัย และต้องให้อภัยตัวเองเมื่อทำผิดพลาด เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป รวมทั้งใช้ความผิดพลาดจากอดีตเป็นบทเรียน เพื่อก้าวย่างที่ดีกว่าในอนาคต 3. ถ้าแก้วมีน้ำแค่ครึ่งเดียว จงเติมให้เต็มแก้ว   การมองว่า มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว หรือน้ำหายไปครึ่ง

ดูแลสุขภาพจิตของคุณ เพื่อเสริมสร้างความสดชื่นแจ่มใส

รูปภาพ
  ดูแลสุขภาพจิตของคุณ  เพื่อเสริมสร้างความสดชื่นแจ่มใส   ในสังคมยุคใหม่นี้ ปัญหาที่พบได้มากเป็นอันดับต้นๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคือ ปัญหาเรื่อง สุขภาพ จิต สาเหตุของปัญหา สุขภาพ จิตมีหลากหลายปัจจัย และเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย ทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ หรือวัยชรา แต่ไม่ว่าปัญหาสุขภาพจิตจะเกิดขึ้นกับใคร สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราทั้งนั้น ทำให้หลายคนเริ่มหันมาสนใจหาวิธีที่จะเสริมสร้างสุขภาพจิตให้สดใสอยู่เสมอ วันนี้เราก็ได้นำวิธีที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นมาฝากดังนี้ค่ะ ที่มา  http://bigthingslittlethings.com/?p= 89 1.              ไม่เครียด ปล่อยวางบ่อยๆ ปัญหาที่เกิดในทุกๆ วันแน่นอนว่าความเครียดย่อมต้องมาเยือนอยู่แล้ว ใครจะเป็นยังไงเราไม่รู้ แต่เราต้องปล่อยวางปัญหารอบข้างซะบ้าง อย่าเก็บมาคิดทุกอย่าง เพราะนอกจากจะทำให้เสียสุขภาพจิตแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายในหลายๆ ด้าน เช่นโรคต่างๆ ที่จะเข้ามาถามหา และยังทำให้แก่เร็วด้วย 2.                                      คิดบวกไว้ก่อน สถานการณ์บางอย่างไม่ใช่จะเลวร้ายซะทีเดียว ลองเปล